ในสถานการณ์ปัจจุบันที่หน้าร้านถูกปิดลง ช่องทางการหารายได้ของร้านค้าถูกจำกัด ทำให้ผู้คงมุ่งเน้นการตลาดออนไลน์ หรือ Digital Marketingกันมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญ ที่เรานำมาฝากทุกท่านในวันนี้ จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญ ที่จะช่วยเปิดโอกาสทางการตลาดออนไลน์ ด้วยกลยุทธ์ E-Commerce ร้านค้าออนไลน์ ที่ไม่ว่าธุรกิจใดก็สามารถนำไปปรับใช้ได้
E-Commerce คืออะไร
หากพูดให้เห็นภาพ และเข้าใจกันง่าย ๆ E-Commerce คือร้านค้าออนไลน์ ที่ดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านก็สามารถขายสินค้า และบริการได้ ซึ่งเป็นการทำการตลาดออนไลน์ที่ลดค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ ออกไป ไม่ว่าจะเป็น ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมไปถึงค่าจ้างพนักงาน
ต้องยอมรับว่าค่าใช้จ่ายนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อใช้กลยุทธ์ E-Commerce แถมยังสามารถเปิดหน้าร้านไว้คอยให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าลูกค้าอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าถึงร้านค้าได้อย่างไม่มีข้อแม้ มีระบบแชทสดที่สามารถติดต่อ พูดคุยสื่อสารกันได้ อีกทั้งยังมีระบบหลังบ้าน ที่จัดเก็บประวัติการชำระเงิน และรายการสินค้าไว้ เรียกได้ว่าตอบโจทย์อย่างมากในยุคปัจจุบัน
เพิ่มยอดขาย E-Commerce ด้วย Digital Marketing
Digital Marketing ถือว่ามาแรงไม่แพ้กัน ไม่ว่าใครก็ต้องวิ่งเข้าหาการตลาดออนไลน์กันทั้งนั้น ด้วยพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไป ทำให้การตลาดออนไลน์กลายเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ในทุกธุรกิจ เช่นเดียวกับการทำ E-Commerce เราจะสังเกตเห็นได้ว่า แบรนด์ใหญ่หลาย ๆ แบรนด์เริ่มมีช่องทางในการขายเพิ่มมากขึ้น ทั้งการจัดทำเว็บไซต์แบบตะกร้าสินค้า หรือ E-Commerce ผู้คนไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน เพียงแค่สั่งออนไลน์ก็จะมีของไปส่งให้ถึงหน้าบ้าน รวมไปถึงการใช้แพลตฟอร์ม E-Commerce ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แถมยังใช้ต้นทุนน้อยมากเมื่อเทียบกับการทำการตลาดแบบทั่วไป
หากพูดถึงแพลตฟอร์ม E-Commerce เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะนึกถึงแอปพลิเคชันยอดฮิตอย่าง Shopee และ Lazada ต้องยอมรับอีกว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้ทำกำไรให้แก่พ่อค้า แม่ค้า และธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะ เป็นช่องทางที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวจากผู้ใช้จริง และการการันตีร้านค้าจากแพลตฟอร์ม ซึ่งถือว่าสร้างความไว้วางใจให้แก่ผู้ซื้อเป็นอย่างมาก ดังนั้นไม่ว่าจะแพลตฟอร์มใด การที่มีช่องทางที่หลากหลายย่อมเป็นผลดีกับร้านค้ามากกว่า เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ไวกว่า และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
กลยุทธ์ E-Commerce เพิ่มยอดขาย
1. กลุ่มเป้าหมาย
เรื่องของกลุ่มเป้าหมายถือเป็นเรื่องสำคัญมาก หากเราไม่เจาะกลุ่มเป้าหมายสินค้าและบริการ อาจจะทำการตลาดได้ค่อนข้างยาก เพราะการแข่งขันในปัจจุบันนั้นถือว่าสูงมาก ซึ่งนอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องวางแผนแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ จุดเด่นของสินค้า และบริการที่แตกต่างจากที่อื่น ทำไมต้องมาใช้บริการกับเรา
2. แพลตฟอร์ม E-Commerce
แม้จะมีเว็บไซต์ตะกร้าสินค้าแล้ว อีกสิ่งที่ควรดำเนินการไปพร้อม ๆ กันคือช่องทาง E-Commerce จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ อาทิเช่น Shopee , Lazada , JD Central เป็นต้น แพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการ แถมยังทำให้ผู้คนรู้จักมากขึ้นอีกด้วย
3. โปรโมชั่นที่โดนใจ
หากลองสังเกตดี ๆ ร้านค้าออนไลน์แต่ละร้านมักจะมีโปรโมชั่นเด็ด ๆ มาจูงใจลูกค้าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น คูปองแทนเงินสด หรือโปรโมชั่นประจำเดือน เช่น 11.11 (วันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน) เป็นต้น ซึ่งโปรโมชั่นเหล่านี้ล้วนเป็นตัวช่วยที่ดี ที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้คนตัดสินใจซื้อได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
4. Digital Marketing
เมื่อมีช่องทางการซื้อขายแล้ว การทำ Digital Marketing ควบคู่กันไปย่อมได้ผลที่ดีกว่า ทำให้สินค้า และบริการของเราส่งไปถึงกลุ่มลูกค้าได้รวดเร็วมากขึ้น ปิดการขายได้ไว และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
กลยุทธ์ E-Commerce และการทำ Digital Marketing นั้น หากทำควบคู่กันไปจะช่วยส่งเสริมยอดขาย และการเข้าถึงได้ดี ยิ่งเริ่มลงมือทำได้เร็ว ก็จะเห็นผลเร็วมากยิ่งขึ้น
และหากใครมองหาผู้ช่วยทางธุรกิจ ที่ปรึกษาในการทำการตลาดออนไลน์ ที่ Nex Digital Marketing เราคือผู้นำทางการตลาดออนไลน์ ที่พร้อมช่วยเหลือคุณในทุกธุรกิจ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้แล้ววันนี้ คลิกเลย
Tag : #DigitalMarketing #DigitalMarketingAgency #DigitalMarketingCompany #MarketingAgency #OnlineMarketing #ที่ปรึกษาการตลาด #การตลาดออนไลน์ #รับทำการตลาดออนไลน์ #รับทำการตลาด #Agencyโฆษณา #รับทำโฆษณา #วางแผนกลยุทธ์ #วางแผนการตลาด #ECommerce #Lazada #Shopee #JDCentral
Commentaires